มะม่วงสุก 1 ลูก เท่ากับกี่แคล นับแคลอรี่ “มะม่วงสุก 1 ลูก”

มะม่วงสุก 1 ลูก เท่ากับกี่แคล นับแคลอรี่ “มะม่วงสุก 1 ลูก”

มะม่วงสุก 1 ลูก = กี่แคล มีคำตอบ!

มะม่วงสุก 1 ลูก ให้แคลอรี่ = 98 กิโลแคลอรี่

ใครที่ชื่นชอบการรับประทานอาหาร โดยตัวอย่างที่เรายกมาในวันนี้คืออาหารยอดนิยมอย่าง “มะม่วงสุก” และเป็นคนที่กำลังนับแคลอรี่ หรือควบคุมน้ำหนัก รักษาหุ่น หรือกำลังเริ่มออกกำลังกาย คงจะอยากรู้กันว่า อาหารอย่างเช่น “มะม่วงสุก” เป็นอาหารที่ให้พลังงานเท่าใหร่ และต้องกินจำนวนกี่ลูกจะพอดี หรือกี่ลูกจึงจะนับว่ามากเกินไป วันนี้ข้าวตังได้หาข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานของ “มะม่วงสุก 1 ลูก” มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยสรุปได้ว่า เมื่อเรากินไป 1 ลูก จะได้ปริมาณพลังงานเท่าใหร่ คำตอบคือ “98 กิโลแคลอรี่” หรือ 98 Kcal หากเพื่อนๆยังไม่มั่นใจว่าที่เรากินเข้าไป พลังงานนับเป็นกี่แคลแล้ว ให้ลองดูจากตารางด้านล่างได้เลย

ตารางแสดงจำนวนลูกของ มะม่วงสุก ต่อพลังงาน กิโลแคลอรี่

จำนวนลูก

พลังงาน (กิโลแคลอรี่) ที่ได้รับ

½ (ครึ่งลูก)

49 กิโลแคลอรี่ (49 Kcal)

1 ลูก

98 กิโลแคลอรี่ (98 Kcal)

2 ลูก

196 กิโลแคลอรี่ (196 Kcal)

3 ลูก

294 กิโลแคลอรี่ (294 Kcal)

4 ลูก

392 กิโลแคลอรี่ (392 Kcal)

5 ลูก

490 กิโลแคลอรี่ (490 Kcal)

6 ลูก

588 กิโลแคลอรี่ (588 Kcal)

7 ลูก

686 กิโลแคลอรี่ (686 Kcal)

8 ลูก

784 กิโลแคลอรี่ (784 Kcal)

9 ลูก

882 กิโลแคลอรี่ (882 Kcal)

10 ลูก

980 กิโลแคลอรี่ (980 Kcal)

ควรรับประทานมะม่วงสุกเท่าใหร่ ใน 1 วัน

ผู้ชาย

ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “มะม่วงสุก” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 20 ลูก โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,960 กิโลแคลอรี่ (1,960 Kcal)

ผู้หญิง

ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,500 – 1,800 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “มะม่วงสุก” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 18 ลูก โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,764 กิโลแคลอรี่ (1,764 Kcal)

กินมะม่วงสุก 1 ลูก ต้องออกกำลังกายเท่าใหร่

กิจกรรม 1 ชั่วโมงระยะเวลาเผาผลาญ (กิโลแคลอรี่) / 1 ชั่วโมงกรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 17.6กม./ชม.6 นาที970 กิโลแคลอรี่กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 5.6กม./ชม.9 นาที660 กิโลแคลอรี่กระโดดเชือก8 นาที780 กิโลแคลอรี่กวาดพื้น26 นาที225 กิโลแคลอรี่การเต้น Zumba12 นาที500 กิโลแคลอรี่ขี่จักรยาน24 นาที250-600 กิโลแคลอรี่ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 14.4กม./ชม.14 นาที415 กิโลแคลอรี่ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 20.0กม./ชม.9 นาที660 กิโลแคลอรี่ซักผ้าด้วยมือ25 นาที240 กิโลแคลอรี่ตัดหญ้า24 นาที250-300 กิโลแคลอรี่ตีกอล์ฟ ลากถุงกอล์ฟ20 นาที300 กิโลแคลอรี่ตีกอล์ฟ แบกถุงกอล์ฟเอง16 นาที360 กิโลแคลอรี่ตีกอล์ฟ, นั่งรถ25 นาที240 กิโลแคลอรี่ทำงานบ้าน39 นาที150-250 กิโลแคลอรี่ทำสวน20 นาที300-450 กิโลแคลอรี่นอนหลับ1 ชั่วโมง 18 นาที75 กิโลแคลอรี่นั่งดูทีวี59 นาที100 กิโลแคลอรี่นั่งทำงานใช้สมอง53 นาที110 กิโลแคลอรี่บาสเก็ตบอล16 นาที360-660 กิโลแคลอรี่ปูที่นอน44 นาที135 กิโลแคลอรี่มวยไทย7 นาที800 กิโลแคลอรี่ยืน42 นาที140 กิโลแคลอรี่รีดผ้า39 นาที150 กิโลแคลอรี่ลงนอน (ไม่หลับ)1 ชั่วโมง 9 นาที85 กิโลแคลอรี่วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 12.8กม./ชม.7 นาที825 กิโลแคลอรี่วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 18.2กม./ชม.4 นาที1,390 กิโลแคลอรี่วิ่งเร็ว7 นาที900-1,200 กิโลแคลอรี่วิ่งเหยาะๆ10 นาที600-750 กิโลแคลอรี่ว่ายน้ำ23 นาที260-750 กิโลแคลอรี่ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 2.56กม./ชม.8 นาที700 กิโลแคลอรี่ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 3.00กม./ชม.7 นาที850 กิโลแคลอรี่เดินขึ้นบันได10 นาที600-1080 กิโลแคลอรี่เดินขึ้นเนิน12 นาที480-900 กิโลแคลอรี่เดินช้า39 นาที150 กิโลแคลอรี่เดินธรรมดา20 นาที300 กิโลแคลอรี่เดินลงบันได14 นาที425 กิโลแคลอรี่เดินลงเนิน25 นาที240 กิโลแคลอรี่เดินเร็ว14 นาที420-480 กิโลแคลอรี่เดินเล่น28 นาที210 กิโลแคลอรี่เต้นรำ17 นาที350 กิโลแคลอรี่เย็บผ้า51 นาที115 กิโลแคลอรี่เลื่อยไม้11 นาที515 กิโลแคลอรี่เล่นวอลเล่ย์บอล20 นาที300 กิโลแคลอรี่เล่นสเก็ตปกติ14 นาที420 กิโลแคลอรี่เล่นสเก็ตแข่งความเร็ว8 นาที700 กิโลแคลอรี่เล่นฮูล่าฮูป14 นาที430 กิโลแคลอรี่เล่นเทนนิสคู่16 นาที360 กิโลแคลอรี่เล่นเทนนิสเดี่ยว12 นาที480 กิโลแคลอรี่เล่นแบดมินตัน17 นาที350 กิโลแคลอรี่เล่นโบว์ลิ่ง15 นาที400 กิโลแคลอรี่แอโรบิค10 นาที600 กิโลแคลอรี่เดินขึ้นเขาหรือปีนเขา12 นาที500-800 กิโลแคลอรี่ออกกำลังกายแบบ HIT8 นาที700-800 กิโลแคลอรี่

บทสรุป

อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการสมมติ และจำลองตัวเลขว่า หากคนเรารับประทาน “มะม่วงสุก” อย่างเดียวใน 1 วัน จะต้องทานเท่าไรจึงจะได้รับพลังงานเพียงพอใน 1 วัน โดยสรุปคือ ผู้ชายต้องทาน “มะม่วงสุก 20 ลูก” ส่วนผู้หญิงต้องทาน “มะม่วงสุก 18 ลูก”

เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม

คลายข้อสงสัยให้กับทุกคน แคลอรี่มาจากไหน ทำไมคนอยากลดน้ำหนักต้องนับแคล

หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าการรับแคลคืออะไร ทำไมคนที่คุมน้ำหนักถึงต้องมีการควบคุมแคลอรี่ หรือการที่จะเลือกกินอาหารสามารถเลือกตามแคลน้อย ๆ ได้ยังไง วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยต่าง ๆ ที่ทุกคนอยากรู้กันค่ะ เริ่มจากมาทำความรู้จักแคลอรี่กันก่อนเลย แคลอรี่ (calorie) ก็คือหน่วยวัดพลังงานที่ใช้นับพลังงานจากสารอาหารต่างๆ ที่เราได้บริโภคเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็มีพลังงานอยู่ด้วย ดังนั้นเราสามารถนำมาคิดคำนวณพลังงานให้ออกมาเป็นแคลอรี่ได้ทั้งนั้น ซึ่งในอาหารแต่ละอย่างก็จะมีแคลอรี่ที่แตกต่างกันไปตามสารอาหารและปริมาณ โดยปกติแล้วจะมีการนำมาคำนวนพลังงานต่อวันที่ควรจะได้รับตามสารอาหารแต่ละประเภท โดยสารอาหารที่ให้พลังงานจะเป็นอาหารจำพวกโปรตีน ที่จะเน้นเนื้อสัตว์ นม ไข่ จะให้พลังงานอยู่ที่ 4 แคลอรี่ต่อกรัม, อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าวและแป้งต่างๆ จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัมเช่นเดียวกับโปรตีนและอาหารประเภทสุดท้ายคือไขมันจะให้พลังงานมากถึง 9 แคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งจะให้พลังมากกว่าอาการ 2 ประเภทแรกถึง 2 เท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกินอาหารได้แบบตามใจปาก เพราะในแต่ละวันร่างกายจะต้องการสารอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้นการคำนวนปริมาณแคลอรี่ของสารอาหารต่างๆจึงจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบที่ไม่อดอาหารและยังได้สารอาหารครบถ้วนนั่นเอง

ปริมาณแคลอรี่ต่อวันคำนวณยังไง มาดูวิธีง่ายๆในการนับแคลอรี่กัน

ตามหลักการปกติง่ายๆที่เราสามารถคิดตามได้ จะเริ่มจากการดูพลังงานในแต่ละวันที่ควรได้รับ โดยที่ผู้ชายควรได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหารรวมถึงเครื่องดื่มอยู่ที่ 2500 กิโลแคลอรี่ ผู้หญิงควรได้รับพลังงานในแต่ละวันอยู่ที่ 2000 กิโลแคลอรี่ แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมในแต่ละวัน อายุ น้ำหนักและระบบการเผาผลาญต่างๆในร่างกายที่จะมีผลต่อการคิดคำนวนปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับ ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว เด็กที่มีกิจกรรมต่างๆจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ วัยรุ่นและผู้ใหญ่จะมีพลังงานที่ควรได้รับมากกว่าผู้สูงอายุ ตามหลักการแล้วการที่จะได้รับพลังงาน 2000 กิโลแคลอรี่จะต้องมีสารอาหารต่างๆในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือ โปรตีน 50 กรัม (200แคลอรี่), คาร์โบไฮเดรต 260 กรัม (1040แคลอรี่), ไขมันทั้งหมด 90 กรัม(810แคลอรี่) ซึ่งควรจะเป็นไขมันดี 20กรัม(180แคลอรี่) ที่เหลืออีก 70กรัม(630แคลอรี่) เป็นไขมันอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างเช่นน้ำตาลและเกลือรวมอยู่ด้วย

กินเยอะกินน้อยจะมีผลต่อการลดน้ำหนักจริงหรอ คำถามสุดฮิตของคนอยากผอม

การใช้วิธีการลดนับหนักแบบนับแคลเป็นหนึ่งในวิธีที่มักจะทำไปควบคู่กับการออกกำลังกาย ถ้าหากออกกำลังกายแต่กินไม่ถูกวิธีก็จะทำให้การลดน้ำหนักนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าจะกินยังไงให้น้ำหนักของเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยแล้วเปลี่ยนสารอาหารต่างให้อยู่ในรูปของพลังงาน ซึ่งร่างกายจะมีการนำพลังงานนั้นออกมาใช้โดยจะเรียกการนำพลังงานมาใช้ว่าการเผาผลาญพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ยืน นอน ทุกๆอิริยาบถของเราล้วนใช้พลังงานในเคลื่อนไหว แต่ถ้าหากเราได้รับพลังงานในปริมาณที่มากกว่าการใช้พลังงานก็จะทำให้เกิดพลังงานสะสมนั่นหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง

สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยการนับแคลอรี่ จะต้องเริ่มจากการรับประทานอาหารที่ให้ปริมาณแคลอรี่ที่พอเหมาะกับร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวัน ไม่ควรบริโภคอาหารมากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากอยากลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะต้องเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากถึง 7700 กิโลแคลอรี่ นั่นหมายถึงการบริโภคอาหารน้อยลง แต่จำเป็นต้องมีสาอาหารอย่างครบถ้วน ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง

Bình luận đã bị đóng.