ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน เท่ากับกี่แคล นับแคลอรี่ “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน”
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน = กี่แคล มีคำตอบ!
ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน ให้แคลอรี่ = 397 กิโลแคลอรี่
ใครที่ชื่นชอบการรับประทานอาหาร โดยตัวอย่างที่เรายกมาในวันนี้คืออาหารยอดนิยมอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู” และเป็นคนที่กำลังนับแคลอรี่ หรือควบคุมน้ำหนัก รักษาหุ่น หรือกำลังเริ่มออกกำลังกาย คงจะอยากรู้กันว่า อาหารอย่างเช่น “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู” เป็นอาหารที่ให้พลังงานเท่าใหร่ และต้องกินจำนวนกี่จานจะพอดี หรือกี่จานจึงจะนับว่ามากเกินไป วันนี้ข้าวตังได้หาข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานของ “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน” มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยสรุปได้ว่า เมื่อเรากินไป 1 จาน จะได้ปริมาณพลังงานเท่าใหร่ คำตอบคือ “397 กิโลแคลอรี่” หรือ 397 Kcal หากเพื่อนๆยังไม่มั่นใจว่าที่เรากินเข้าไป พลังงานนับเป็นกี่แคลแล้ว ให้ลองดูจากตารางด้านล่างได้เลย
ตารางแสดงจำนวนจานของ ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู ต่อพลังงาน กิโลแคลอรี่
จำนวนจาน
พลังงาน (กิโลแคลอรี่) ที่ได้รับ
½ (ครึ่งจาน)
198 กิโลแคลอรี่ (198 Kcal)
1 จาน
397 กิโลแคลอรี่ (397 Kcal)
2 จาน
794 กิโลแคลอรี่ (794 Kcal)
3 จาน
1,191 กิโลแคลอรี่ (1,191 Kcal)
4 จาน
1,588 กิโลแคลอรี่ (1,588 Kcal)
5 จาน
1,985 กิโลแคลอรี่ (1,985 Kcal)
6 จาน
2,382 กิโลแคลอรี่ (2,382 Kcal)
7 จาน
2,779 กิโลแคลอรี่ (2,779 Kcal)
8 จาน
3,176 กิโลแคลอรี่ (3,176 Kcal)
9 จาน
3,573 กิโลแคลอรี่ (3,573 Kcal)
10 จาน
3,970 กิโลแคลอรี่ (3,970 Kcal)
ควรรับประทานก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมูเท่าใหร่ ใน 1 วัน
ผู้ชาย
ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 5 จาน โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,985 กิโลแคลอรี่ (1,985 Kcal)
ผู้หญิง
ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,500 – 1,800 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 4 จาน โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,588 กิโลแคลอรี่ (1,588 Kcal)
กินก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 1 จาน ต้องออกกำลังกายเท่าใหร่
กิจกรรม 1 ชั่วโมง ระยะเวลา เผาผลาญ (กิโลแคลอรี่) / 1 ชั่วโมง กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 17.6กม./ชม. 25 นาที 970 กิโลแคลอรี่ กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 5.6กม./ชม. 36 นาที 660 กิโลแคลอรี่ กระโดดเชือก 31 นาที 780 กิโลแคลอรี่ กวาดพื้น 1 ชั่วโมง 46 นาที 225 กิโลแคลอรี่ การเต้น Zumba 48 นาที 500 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง 35 นาที 250-600 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 14.4กม./ชม. 57 นาที 415 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 20.0กม./ชม. 36 นาที 660 กิโลแคลอรี่ ซักผ้าด้วยมือ 1 ชั่วโมง 39 นาที 240 กิโลแคลอรี่ ตัดหญ้า 1 ชั่วโมง 35 นาที 250-300 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ ลากถุงกอล์ฟ 1 ชั่วโมง 19 นาที 300 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ แบกถุงกอล์ฟเอง 1 ชั่วโมง 6 นาที 360 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ, นั่งรถ 1 ชั่วโมง 39 นาที 240 กิโลแคลอรี่ ทำงานบ้าน 2 ชั่วโมง 39 นาที 150-250 กิโลแคลอรี่ ทำสวน 1 ชั่วโมง 19 นาที 300-450 กิโลแคลอรี่ นอนหลับ 5 ชั่วโมง 18 นาที 75 กิโลแคลอรี่ นั่งดูทีวี 3 ชั่วโมง 58 นาที 100 กิโลแคลอรี่ นั่งทำงานใช้สมอง 3 ชั่วโมง 37 นาที 110 กิโลแคลอรี่ บาสเก็ตบอล 1 ชั่วโมง 6 นาที 360-660 กิโลแคลอรี่ ปูที่นอน 2 ชั่วโมง 56 นาที 135 กิโลแคลอรี่ มวยไทย 30 นาที 800 กิโลแคลอรี่ ยืน 2 ชั่วโมง 50 นาที 140 กิโลแคลอรี่ รีดผ้า 2 ชั่วโมง 39 นาที 150 กิโลแคลอรี่ ลงนอน (ไม่หลับ) 4 ชั่วโมง 40 นาที 85 กิโลแคลอรี่ วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 12.8กม./ชม. 29 นาที 825 กิโลแคลอรี่ วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 18.2กม./ชม. 17 นาที 1,390 กิโลแคลอรี่ วิ่งเร็ว 26 นาที 900-1,200 กิโลแคลอรี่ วิ่งเหยาะๆ 40 นาที 600-750 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง 32 นาที 260-750 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 2.56กม./ชม. 34 นาที 700 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 3.00กม./ชม. 28 นาที 850 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นบันได 40 นาที 600-1080 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นเนิน 50 นาที 480-900 กิโลแคลอรี่ เดินช้า 2 ชั่วโมง 39 นาที 150 กิโลแคลอรี่ เดินธรรมดา 1 ชั่วโมง 19 นาที 300 กิโลแคลอรี่ เดินลงบันได 56 นาที 425 กิโลแคลอรี่ เดินลงเนิน 1 ชั่วโมง 39 นาที 240 กิโลแคลอรี่ เดินเร็ว 57 นาที 420-480 กิโลแคลอรี่ เดินเล่น 1 ชั่วโมง 53 นาที 210 กิโลแคลอรี่ เต้นรำ 1 ชั่วโมง 8 นาที 350 กิโลแคลอรี่ เย็บผ้า 3 ชั่วโมง 27 นาที 115 กิโลแคลอรี่ เลื่อยไม้ 46 นาที 515 กิโลแคลอรี่ เล่นวอลเล่ย์บอล 1 ชั่วโมง 19 นาที 300 กิโลแคลอรี่ เล่นสเก็ตปกติ 57 นาที 420 กิโลแคลอรี่ เล่นสเก็ตแข่งความเร็ว 34 นาที 700 กิโลแคลอรี่ เล่นฮูล่าฮูป 55 นาที 430 กิโลแคลอรี่ เล่นเทนนิสคู่ 1 ชั่วโมง 6 นาที 360 กิโลแคลอรี่ เล่นเทนนิสเดี่ยว 50 นาที 480 กิโลแคลอรี่ เล่นแบดมินตัน 1 ชั่วโมง 8 นาที 350 กิโลแคลอรี่ เล่นโบว์ลิ่ง 1 ชั่วโมง 400 กิโลแคลอรี่ แอโรบิค 40 นาที 600 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นเขาหรือปีนเขา 48 นาที 500-800 กิโลแคลอรี่ ออกกำลังกายแบบ HIT 34 นาที 700-800 กิโลแคลอรี่
บทสรุป
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการสมมติ และจำลองตัวเลขว่า หากคนเรารับประทาน “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู” อย่างเดียวใน 1 วัน จะต้องทานเท่าไรจึงจะได้รับพลังงานเพียงพอใน 1 วัน โดยสรุปคือ ผู้ชายต้องทาน “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 5 จาน” ส่วนผู้หญิงต้องทาน “ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ราดหน้าหมู 4 จาน”
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
คลายข้อสงสัยให้กับทุกคน แคลอรี่มาจากไหน ทำไมคนอยากลดน้ำหนักต้องนับแคล
หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าการรับแคลคืออะไร ทำไมคนที่คุมน้ำหนักถึงต้องมีการควบคุมแคลอรี่ หรือการที่จะเลือกกินอาหารสามารถเลือกตามแคลน้อย ๆ ได้ยังไง วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยต่าง ๆ ที่ทุกคนอยากรู้กันค่ะ เริ่มจากมาทำความรู้จักแคลอรี่กันก่อนเลย แคลอรี่ (calorie) ก็คือหน่วยวัดพลังงานที่ใช้นับพลังงานจากสารอาหารต่างๆ ที่เราได้บริโภคเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็มีพลังงานอยู่ด้วย ดังนั้นเราสามารถนำมาคิดคำนวณพลังงานให้ออกมาเป็นแคลอรี่ได้ทั้งนั้น ซึ่งในอาหารแต่ละอย่างก็จะมีแคลอรี่ที่แตกต่างกันไปตามสารอาหารและปริมาณ โดยปกติแล้วจะมีการนำมาคำนวนพลังงานต่อวันที่ควรจะได้รับตามสารอาหารแต่ละประเภท โดยสารอาหารที่ให้พลังงานจะเป็นอาหารจำพวกโปรตีน ที่จะเน้นเนื้อสัตว์ นม ไข่ จะให้พลังงานอยู่ที่ 4 แคลอรี่ต่อกรัม, อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าวและแป้งต่างๆ จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัมเช่นเดียวกับโปรตีนและอาหารประเภทสุดท้ายคือไขมันจะให้พลังงานมากถึง 9 แคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งจะให้พลังมากกว่าอาการ 2 ประเภทแรกถึง 2 เท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกินอาหารได้แบบตามใจปาก เพราะในแต่ละวันร่างกายจะต้องการสารอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้นการคำนวนปริมาณแคลอรี่ของสารอาหารต่างๆจึงจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบที่ไม่อดอาหารและยังได้สารอาหารครบถ้วนนั่นเอง
ปริมาณแคลอรี่ต่อวันคำนวณยังไง มาดูวิธีง่ายๆในการนับแคลอรี่กัน
ตามหลักการปกติง่ายๆที่เราสามารถคิดตามได้ จะเริ่มจากการดูพลังงานในแต่ละวันที่ควรได้รับ โดยที่ผู้ชายควรได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหารรวมถึงเครื่องดื่มอยู่ที่ 2500 กิโลแคลอรี่ ผู้หญิงควรได้รับพลังงานในแต่ละวันอยู่ที่ 2000 กิโลแคลอรี่ แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมในแต่ละวัน อายุ น้ำหนักและระบบการเผาผลาญต่างๆในร่างกายที่จะมีผลต่อการคิดคำนวนปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับ ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว เด็กที่มีกิจกรรมต่างๆจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ วัยรุ่นและผู้ใหญ่จะมีพลังงานที่ควรได้รับมากกว่าผู้สูงอายุ ตามหลักการแล้วการที่จะได้รับพลังงาน 2000 กิโลแคลอรี่จะต้องมีสารอาหารต่างๆในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือ โปรตีน 50 กรัม (200แคลอรี่), คาร์โบไฮเดรต 260 กรัม (1040แคลอรี่), ไขมันทั้งหมด 90 กรัม(810แคลอรี่) ซึ่งควรจะเป็นไขมันดี 20กรัม(180แคลอรี่) ที่เหลืออีก 70กรัม(630แคลอรี่) เป็นไขมันอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างเช่นน้ำตาลและเกลือรวมอยู่ด้วย
กินเยอะกินน้อยจะมีผลต่อการลดน้ำหนักจริงหรอ คำถามสุดฮิตของคนอยากผอม
การใช้วิธีการลดนับหนักแบบนับแคลเป็นหนึ่งในวิธีที่มักจะทำไปควบคู่กับการออกกำลังกาย ถ้าหากออกกำลังกายแต่กินไม่ถูกวิธีก็จะทำให้การลดน้ำหนักนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าจะกินยังไงให้น้ำหนักของเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยแล้วเปลี่ยนสารอาหารต่างให้อยู่ในรูปของพลังงาน ซึ่งร่างกายจะมีการนำพลังงานนั้นออกมาใช้โดยจะเรียกการนำพลังงานมาใช้ว่าการเผาผลาญพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ยืน นอน ทุกๆอิริยาบถของเราล้วนใช้พลังงานในเคลื่อนไหว แต่ถ้าหากเราได้รับพลังงานในปริมาณที่มากกว่าการใช้พลังงานก็จะทำให้เกิดพลังงานสะสมนั่นหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยการนับแคลอรี่ จะต้องเริ่มจากการรับประทานอาหารที่ให้ปริมาณแคลอรี่ที่พอเหมาะกับร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวัน ไม่ควรบริโภคอาหารมากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากอยากลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะต้องเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากถึง 7700 กิโลแคลอรี่ นั่นหมายถึงการบริโภคอาหารน้อยลง แต่จำเป็นต้องมีสาอาหารอย่างครบถ้วน ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง