สุกี้น้ำไก่ 1 ชาม เท่ากับกี่แคล นับแคลอรี่ “สุกี้น้ำไก่ 1 ชาม”
สุกี้น้ำไก่ 1 ชาม = กี่แคล มีคำตอบ!
สุกี้น้ำไก่ 1 ชาม ให้แคลอรี่ = 345 กิโลแคลอรี่
ใครที่ชื่นชอบการรับประทานอาหาร โดยตัวอย่างที่เรายกมาในวันนี้คืออาหารยอดนิยมอย่าง “สุกี้น้ำไก่” และเป็นคนที่กำลังนับแคลอรี่ หรือควบคุมน้ำหนัก รักษาหุ่น หรือกำลังเริ่มออกกำลังกาย คงจะอยากรู้กันว่า อาหารอย่างเช่น “สุกี้น้ำไก่” เป็นอาหารที่ให้พลังงานเท่าใหร่ และต้องกินจำนวนกี่ชามจะพอดี หรือกี่ชามจึงจะนับว่ามากเกินไป วันนี้ข้าวตังได้หาข้อมูลเกี่ยวกับพลังงานของ “สุกี้น้ำไก่ 1 ชาม” มาให้เรียบร้อยแล้ว โดยสรุปได้ว่า เมื่อเรากินไป 1 ชาม จะได้ปริมาณพลังงานเท่าใหร่ คำตอบคือ “345 กิโลแคลอรี่” หรือ 345 Kcal หากเพื่อนๆยังไม่มั่นใจว่าที่เรากินเข้าไป พลังงานนับเป็นกี่แคลแล้ว ให้ลองดูจากตารางด้านล่างได้เลย
ตารางแสดงจำนวนชามของ สุกี้น้ำไก่ ต่อพลังงาน กิโลแคลอรี่
จำนวนชาม
พลังงาน (กิโลแคลอรี่) ที่ได้รับ
½ (ครึ่งชาม)
172 กิโลแคลอรี่ (172 Kcal)
1 ชาม
345 กิโลแคลอรี่ (345 Kcal)
2 ชาม
690 กิโลแคลอรี่ (690 Kcal)
3 ชาม
1,035 กิโลแคลอรี่ (1,035 Kcal)
4 ชาม
1,380 กิโลแคลอรี่ (1,380 Kcal)
5 ชาม
1,725 กิโลแคลอรี่ (1,725 Kcal)
6 ชาม
2,070 กิโลแคลอรี่ (2,070 Kcal)
7 ชาม
2,415 กิโลแคลอรี่ (2,415 Kcal)
8 ชาม
2,760 กิโลแคลอรี่ (2,760 Kcal)
9 ชาม
3,105 กิโลแคลอรี่ (3,105 Kcal)
10 ชาม
3,450 กิโลแคลอรี่ (3,450 Kcal)
ควรรับประทานสุกี้น้ำไก่เท่าใหร่ ใน 1 วัน
ผู้ชาย
ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,800 – 2,000 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “สุกี้น้ำไก่” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 5 ชาม โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,725 กิโลแคลอรี่ (1,725 Kcal)
ผู้หญิง
ผู้ชายต้องการพลังงานที่ต้องใช้ต่อวัน คือ 1,500 – 1,800 กิโลแคลอรี่ หากรับประทาน “สุกี้น้ำไก่” โดยอ้างอิงจากตัวเลขข้างต้น ไม่ควรรับประทานเกิน 5 ชาม โดยจะได้พลังงานเท่ากับ 1,725 กิโลแคลอรี่ (1,725 Kcal)
กินสุกี้น้ำไก่ 1 ชาม ต้องออกกำลังกายเท่าใหร่
กิจกรรม 1 ชั่วโมง ระยะเวลา เผาผลาญ (กิโลแคลอรี่) / 1 ชั่วโมง กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 17.6กม./ชม. 21 นาที 970 กิโลแคลอรี่ กรรเชียงเรือด้วยความเร็ว 5.6กม./ชม. 31 นาที 660 กิโลแคลอรี่ กระโดดเชือก 27 นาที 780 กิโลแคลอรี่ กวาดพื้น 1 ชั่วโมง 32 นาที 225 กิโลแคลอรี่ การเต้น Zumba 41 นาที 500 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยาน 1 ชั่วโมง 23 นาที 250-600 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 14.4กม./ชม. 50 นาที 415 กิโลแคลอรี่ ขี่จักรยานด้วยความเร็ว 20.0กม./ชม. 31 นาที 660 กิโลแคลอรี่ ซักผ้าด้วยมือ 1 ชั่วโมง 26 นาที 240 กิโลแคลอรี่ ตัดหญ้า 1 ชั่วโมง 23 นาที 250-300 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ ลากถุงกอล์ฟ 1 ชั่วโมง 9 นาที 300 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ แบกถุงกอล์ฟเอง 58 นาที 360 กิโลแคลอรี่ ตีกอล์ฟ, นั่งรถ 1 ชั่วโมง 26 นาที 240 กิโลแคลอรี่ ทำงานบ้าน 2 ชั่วโมง 18 นาที 150-250 กิโลแคลอรี่ ทำสวน 1 ชั่วโมง 9 นาที 300-450 กิโลแคลอรี่ นอนหลับ 4 ชั่วโมง 36 นาที 75 กิโลแคลอรี่ นั่งดูทีวี 3 ชั่วโมง 27 นาที 100 กิโลแคลอรี่ นั่งทำงานใช้สมอง 3 ชั่วโมง 8 นาที 110 กิโลแคลอรี่ บาสเก็ตบอล 58 นาที 360-660 กิโลแคลอรี่ ปูที่นอน 2 ชั่วโมง 33 นาที 135 กิโลแคลอรี่ มวยไทย 26 นาที 800 กิโลแคลอรี่ ยืน 2 ชั่วโมง 28 นาที 140 กิโลแคลอรี่ รีดผ้า 2 ชั่วโมง 18 นาที 150 กิโลแคลอรี่ ลงนอน (ไม่หลับ) 4 ชั่วโมง 4 นาที 85 กิโลแคลอรี่ วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 12.8กม./ชม. 25 นาที 825 กิโลแคลอรี่ วิ่งบนทางราบด้วยความเร็ว 18.2กม./ชม. 15 นาที 1,390 กิโลแคลอรี่ วิ่งเร็ว 23 นาที 900-1,200 กิโลแคลอรี่ วิ่งเหยาะๆ 35 นาที 600-750 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำ 1 ชั่วโมง 20 นาที 260-750 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 2.56กม./ชม. 30 นาที 700 กิโลแคลอรี่ ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 3.00กม./ชม. 24 นาที 850 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นบันได 35 นาที 600-1080 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นเนิน 43 นาที 480-900 กิโลแคลอรี่ เดินช้า 2 ชั่วโมง 18 นาที 150 กิโลแคลอรี่ เดินธรรมดา 1 ชั่วโมง 9 นาที 300 กิโลแคลอรี่ เดินลงบันได 49 นาที 425 กิโลแคลอรี่ เดินลงเนิน 1 ชั่วโมง 26 นาที 240 กิโลแคลอรี่ เดินเร็ว 49 นาที 420-480 กิโลแคลอรี่ เดินเล่น 1 ชั่วโมง 39 นาที 210 กิโลแคลอรี่ เต้นรำ 59 นาที 350 กิโลแคลอรี่ เย็บผ้า 3 ชั่วโมง 115 กิโลแคลอรี่ เลื่อยไม้ 40 นาที 515 กิโลแคลอรี่ เล่นวอลเล่ย์บอล 1 ชั่วโมง 9 นาที 300 กิโลแคลอรี่ เล่นสเก็ตปกติ 49 นาที 420 กิโลแคลอรี่ เล่นสเก็ตแข่งความเร็ว 30 นาที 700 กิโลแคลอรี่ เล่นฮูล่าฮูป 48 นาที 430 กิโลแคลอรี่ เล่นเทนนิสคู่ 58 นาที 360 กิโลแคลอรี่ เล่นเทนนิสเดี่ยว 43 นาที 480 กิโลแคลอรี่ เล่นแบดมินตัน 59 นาที 350 กิโลแคลอรี่ เล่นโบว์ลิ่ง 52 นาที 400 กิโลแคลอรี่ แอโรบิค 35 นาที 600 กิโลแคลอรี่ เดินขึ้นเขาหรือปีนเขา 41 นาที 500-800 กิโลแคลอรี่ ออกกำลังกายแบบ HIT 30 นาที 700-800 กิโลแคลอรี่
บทสรุป
อย่างไรก็ตาม บทความนี้เป็นเพียงการสมมติ และจำลองตัวเลขว่า หากคนเรารับประทาน “สุกี้น้ำไก่” อย่างเดียวใน 1 วัน จะต้องทานเท่าไรจึงจะได้รับพลังงานเพียงพอใน 1 วัน โดยสรุปคือ ผู้ชายต้องทาน “สุกี้น้ำไก่ 5 ชาม” ส่วนผู้หญิงต้องทาน “สุกี้น้ำไก่ 5 ชาม”
เรียบเรียงและจัดทำโดย ข้าวตังดอทคอม
คลายข้อสงสัยให้กับทุกคน แคลอรี่มาจากไหน ทำไมคนอยากลดน้ำหนักต้องนับแคล
หลายคนอาจจะกำลังสงสัยว่าการรับแคลคืออะไร ทำไมคนที่คุมน้ำหนักถึงต้องมีการควบคุมแคลอรี่ หรือการที่จะเลือกกินอาหารสามารถเลือกตามแคลน้อย ๆ ได้ยังไง วันนี้เราจะมาคลายข้อสงสัยต่าง ๆ ที่ทุกคนอยากรู้กันค่ะ เริ่มจากมาทำความรู้จักแคลอรี่กันก่อนเลย แคลอรี่ (calorie) ก็คือหน่วยวัดพลังงานที่ใช้นับพลังงานจากสารอาหารต่างๆ ที่เราได้บริโภคเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มก็มีพลังงานอยู่ด้วย ดังนั้นเราสามารถนำมาคิดคำนวณพลังงานให้ออกมาเป็นแคลอรี่ได้ทั้งนั้น ซึ่งในอาหารแต่ละอย่างก็จะมีแคลอรี่ที่แตกต่างกันไปตามสารอาหารและปริมาณ โดยปกติแล้วจะมีการนำมาคำนวนพลังงานต่อวันที่ควรจะได้รับตามสารอาหารแต่ละประเภท โดยสารอาหารที่ให้พลังงานจะเป็นอาหารจำพวกโปรตีน ที่จะเน้นเนื้อสัตว์ นม ไข่ จะให้พลังงานอยู่ที่ 4 แคลอรี่ต่อกรัม, อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตอย่างข้าวและแป้งต่างๆ จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัมเช่นเดียวกับโปรตีนและอาหารประเภทสุดท้ายคือไขมันจะให้พลังงานมากถึง 9 แคลอรี่ต่อกรัม ซึ่งจะให้พลังมากกว่าอาการ 2 ประเภทแรกถึง 2 เท่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะกินอาหารได้แบบตามใจปาก เพราะในแต่ละวันร่างกายจะต้องการสารอาหารแต่ละประเภทในปริมาณที่เหมาะสม ดังนั้นการคำนวนปริมาณแคลอรี่ของสารอาหารต่างๆจึงจำเป็นมากสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักแบบที่ไม่อดอาหารและยังได้สารอาหารครบถ้วนนั่นเอง
ปริมาณแคลอรี่ต่อวันคำนวณยังไง มาดูวิธีง่ายๆในการนับแคลอรี่กัน
ตามหลักการปกติง่ายๆที่เราสามารถคิดตามได้ จะเริ่มจากการดูพลังงานในแต่ละวันที่ควรได้รับ โดยที่ผู้ชายควรได้รับพลังงานจากการบริโภคอาหารรวมถึงเครื่องดื่มอยู่ที่ 2500 กิโลแคลอรี่ ผู้หญิงควรได้รับพลังงานในแต่ละวันอยู่ที่ 2000 กิโลแคลอรี่ แต่ทั้งนี้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอีกหลายอย่างไม่ว่าจะเป็น กิจกรรมในแต่ละวัน อายุ น้ำหนักและระบบการเผาผลาญต่างๆในร่างกายที่จะมีผลต่อการคิดคำนวนปริมาณพลังงานที่ร่างกายควรได้รับ ซึ่งโดยปกติทั่วไปแล้ว เด็กที่มีกิจกรรมต่างๆจะต้องการพลังงานมากกว่าปกติ วัยรุ่นและผู้ใหญ่จะมีพลังงานที่ควรได้รับมากกว่าผู้สูงอายุ ตามหลักการแล้วการที่จะได้รับพลังงาน 2000 กิโลแคลอรี่จะต้องมีสารอาหารต่างๆในปริมาณที่เหมาะสม นั่นคือ โปรตีน 50 กรัม (200แคลอรี่), คาร์โบไฮเดรต 260 กรัม (1040แคลอรี่), ไขมันทั้งหมด 90 กรัม(810แคลอรี่) ซึ่งควรจะเป็นไขมันดี 20กรัม(180แคลอรี่) ที่เหลืออีก 70กรัม(630แคลอรี่) เป็นไขมันอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีสารอาหารที่ร่างกายต้องการอย่างเช่นน้ำตาลและเกลือรวมอยู่ด้วย
กินเยอะกินน้อยจะมีผลต่อการลดน้ำหนักจริงหรอ คำถามสุดฮิตของคนอยากผอม
การใช้วิธีการลดนับหนักแบบนับแคลเป็นหนึ่งในวิธีที่มักจะทำไปควบคู่กับการออกกำลังกาย ถ้าหากออกกำลังกายแต่กินไม่ถูกวิธีก็จะทำให้การลดน้ำหนักนั้นเป็นไปได้ยาก ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าจะกินยังไงให้น้ำหนักของเราไปสู่เป้าหมายที่เราต้องการ เมื่อเรารับประทานอาหารเข้าไป ร่างกายจะทำการย่อยแล้วเปลี่ยนสารอาหารต่างให้อยู่ในรูปของพลังงาน ซึ่งร่างกายจะมีการนำพลังงานนั้นออกมาใช้โดยจะเรียกการนำพลังงานมาใช้ว่าการเผาผลาญพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน ยืน นอน ทุกๆอิริยาบถของเราล้วนใช้พลังงานในเคลื่อนไหว แต่ถ้าหากเราได้รับพลังงานในปริมาณที่มากกว่าการใช้พลังงานก็จะทำให้เกิดพลังงานสะสมนั่นหมายถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักโดยการนับแคลอรี่ จะต้องเริ่มจากการรับประทานอาหารที่ให้ปริมาณแคลอรี่ที่พอเหมาะกับร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวัน ไม่ควรบริโภคอาหารมากจนเกินไป ซึ่งถ้าหากอยากลดน้ำหนัก 1 กิโลกรัม จะต้องเผาผลาญพลังงานในร่างกายมากถึง 7700 กิโลแคลอรี่ นั่นหมายถึงการบริโภคอาหารน้อยลง แต่จำเป็นต้องมีสาอาหารอย่างครบถ้วน ควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวร่างกายและออกกำลังกายที่จะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสามารถช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง