วิตามินสำหรับคนเป็นสิว มีอะไรบ้าง?
สิวสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวัย แม้ว่าการเป็นสิวจะพบบ่อยในหมู่วัยรุ่นทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่อันที่จริงแล้วนั้นสิวส่งผลกระทบต่อผู้คนทั่วโลกทุกวัยค่ะและสิวไม่ได้เกิดขึ้นตรงบริเวณบนใบหน้าเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีหลายต่อหลายคนมีปัญหาสิวขึ้นที่หลังร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยในการเป็นสิวส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ผิวหนัง, พันธุกรรม, ความสะอาด, ความเครียด, อาหารที่ทานและฮอร์โมนที่ไม่สมดุล ซึ่งจะส่งผลให้การผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ ทำให้เกิดรูขุมขนอุดตัน มีเชื้อแบคทีเรียเติบโตและเป็นเกิดสิวในที่สุดค่ะ
สิวมีหลากหลายรูปแบบและหลากหลายชนิด แต่แบ่งออกเป็น สิวไม่อักเสบ (สิวหัวดำ, สิวหัวขาว) และ สิวอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่คนมักจะรักษาด้วยการไปหาหมอเฉพาะทางด้านผิวหนัง ใช้ยาและกินยาตามใบสั่งแพทย์ เพราะเป็นวิธีที่สามารถรักษาสิวได้ตรงจุดอย่างมีประสิทธิภาพโดยผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงในการเข้าคอร์สรักษาแต่ละครั้ง แต่อันที่จริงแล้วคุณก็สามารถรักษาสิวด้วยตัวเองได้เช่นกัน เพียงแค่คุณจะต้องรู้จักเลือกผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ดีและเหมาะสมกับตัวเองที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการใช้แผ่นแปะสิวช่วยให้สิวยุบ, เจลแต้มสิว รวมถึงการเลือกผลิตภัณฑ์รักษาสิว (Acne Care) ที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกที่ช่วยรักษาสิว แต่สิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน เนื่องจากคุณไม่ได้กินยารักษาสิวร่วมด้วย
แต่อย่างไรก็ตามนอกจากผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ใช้ทาภายนอกแล้วอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุบางชนิดอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นสิว ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงวิตามินและแร่ธาตุที่สำคัญที่สามารถช่วยป้องกันและรักษาสิวได้ เราไปดูเลยค่ะว่าอาหารเสริม/วิตามินตัวไหนจะเหมาะกับการรักษาสิวกันบ้าง
วิตามินที่ช่วยเรื่องของสิว
1. วิตามินเอ (Vitamin A)
วิตามินเอ หรือ เรตินอล (Retinol) และ กรดเรทิโนอิก (Retinoic acid) เป็นสารอาหารที่สำคัญต่อการมองเห็น, การเจริญเติบโต, การแบ่งเซลล์, การสืบพันธุ์และภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระที่อาจมีบทบาทช่วยในโรคหัวใจ, มะเร็งและโรคอื่น ๆ ถือว่า Vitamin A ช่วยส่งเสริมผิวพรรณและสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้นโดยทำการต่อสู้กับอนุมูลอิสระ (1)
วิตามินเอ สามารถช่วยรักษาสิวได้โดยการเปลี่ยนวิตามินเป็นเรตินอล (Retinol) หรือเรตินอยด์ (Retinoid) ที่สามารถใช้กับผิวหนังได้ ดังนั้นตามที่ American Academy of Dermatology (AAD) ระบุว่า เรตินอลหรือเรตินอยด์สามารถช่วยรักษาและป้องกันแผลจากสิวอักเสบได้ ซึ่งเป็นวิธีการรักษาสิวที่ได้ผลดีที่สุดและรักษาได้อย่างรวดเร็ว (2)
อีกทั้งวิตามินเอ มีส่วนที่ช่วยต่อต้านเป็นแบคทีเรียชนิดสำคัญที่ทำให้เกิดสิว, ส่งเสริมการเติบโตของเซลล์ผิวใหม่ซึ่งอาจช่วยลดริ้วรอยของผิว, ลดการอักเสบซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานของสิวผด หากคุณต้องการรักษาสิวด้วยการทานวิตามินเอ คุณอาจจะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารวิตามินเอแทนได้
2. สังกะสี (Zinc)
สังกะสีมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผาผลาญของเซลล์หลายประการและมีบทบาทในการทำงานของภูมิคุ้มกัน, การสังเคราะห์โปรตีน, การรักษาบาดแผล, การสังเคราะห์ DNA และการแบ่งเซลล์ สังกะสียังสนับสนุนการเจริญเติบโตและพัฒนาการตามปกติในระหว่างที่คุณแม่ตั้งครรภ์ (3) สังกะสี (Zinc) เป็นแร่ธาตุที่สามารถช่วยเรื่องสิวได้ เพราะมันสามารถลดการผลิตน้ำมันในผิวหนังและสามารถป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียและการอักเสบได้ (4)
ปริมาณสังกะสี (Zinc) ที่แนะนำต่อวัน
- ผู้ใหญ่โดยทั่วไปประมาณ 8-11 มิลลิกรัม (mg) (3)
- สำหรับผู้ใหญ่ที่ต้องการรักษาสิวประมาณ 30 มิลลิกรัม (mg) (5) ห้ามทานสังกะสีในปริมาณที่สูงเกินไปเพราะอาจเป็นอันตรายได้
สังกะสี (Zinc) นอกจากจะช่วยดูแลในเรื่องของการรักษาสิวแล้ว ยังเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่ช่วยดูแลในเรื่องบำรุงเส้นผมให้แข็งแรง คุณสามารถอ่านบทความ อาหารเสริมบำรุงผม ได้จากที่เราเคยรีวิวไว้แล้ว
3. วิตามินดี (Vitamin D)
วิตามินดีช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ได้ดีและยังเป็นวิตามินที่จำเป็นต่อสุขภาพกระดูก หากคุณรับวิตามินดีไม่เพียงพอ กระดูกของคุณจะบางเปราะหรือผิดรูปร่างได้ นอกจากนี้ยังมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเซลล์ประสาท, ลดการอักเสบ, ภูมิคุ้มกันและการเผาผลาญกลูโคส (6) ร่างกายสามารถผลิตวิตามินดีได้ตามธรรมชาติ เมื่อแสงอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์สัมผัสกับผิวหนัง อย่างไรก็ตามอาหารบางอย่างยังมีวิตามินดี เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาแมคเคอเรล, ชีส, ไข่, เห็ด และซีเรียลอาหารเช้าค่ะ
ในการศึกษาพบว่าผู้ที่เป็นสิวมีระดับวิตามินดีในระดับต่ำกว่ากำหนด การได้รับวิตามินดีน้อยอาจจะส่งผลกระทบของเซลล์ผิวและทำให้เกิดแบคทีเรีย โดยแบคทีเรียเหล่านี้จะมีบทบาทในการเกิดสิว (7) ยังมีการศึกษาอีกตัวที่ได้เชื่อมโยงระดับวิตามินดีที่ต่ำกับคนที่มีปัญหาสิว โดยได้ข้อสรุปว่าผู้ที่ขาดวิตามินดีอาจทำให้อาการสิวแย่ลงได้เพราะวิตามินดีนั้นมีคุณสมบัติในการต้านความอักเสบที่มีประสิทธิภาพดีมาก (8)
ปริมาณวิตามินดีที่แนะนำต่อวัน (6)
- 15 ไมโครกรัม (mcg) สำหรับผู้ชาย/ผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่
แน่นอนว่าวิตามินที่เรากล่าวไปข้างต้นนั้นไม่ใช่ยาวิเศษที่กินปุ๊บทำให้หายสิวปั๊ป ดังนั้นคุณควรรับประทานวิตามินติดต่อกัน 30 วันเป็นต้นไป เพราะจะทำให้เห็นผลมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ
วิตามินที่ช่วยเรื่องสิว ยี่ห้อไหนดี?
เราใช้เกณฑ์ในการเลือกสินค้าโดยพิจารณาจากความน่าเชื่อถือของแบรนด์ รวมไปถึงยอดขายและรีวิวของผู้ใช้บริการในเว็บไซต์ซื้อขายสินค้าออนไลน์ ก่อนซื้อแนะนำในอ่านฉลากส่วนประกอบต่าง ๆ รวมไปถึงปรีกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญหรือเภสัชกร
* เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน *
อาหารเสริมอื่น ๆ ที่อาจจะช่วยรักษาสิวได้
นอกเหนือจากวิตามิน A, วิตามิน D และ สังกะสี (Zinc) ที่สามารถรักษาสิวได้ ยังมีอาหารเสริมอื่น ๆ ที่อาจช่วยลดอาการสิวได้เช่นกัน
1. สารสกัดชาเขียว อาจลดรอยแผลจากสิวได้
สารสกัดจากชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีศักยภาพและมีฤทธิ์ต้านการอักเสบที่ดีอีกด้วย (9) มีการวิจัยระบุว่าชาเขียวอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่เป็นสิว การศึกษาในผู้หญิง 80 คนที่เป็นสิวระดับปานกลางถึงรุนแรงแสดงให้เห็นว่าผู้ที่ทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดจากชาเขียว 1,500 มก. เป็นเวลา 4 สัปดาห์พบว่าแผลจากสิวลดลงอย่างเห็นได้ชัด (10)
2. น้ำมันปลา หรือ โอเมก้า อาจลดสิวอักเสบได้
มีหลักฐานงานวิจัยบางอย่างที่ชี้ให้เห็นว่าการทานอาหารเสริมน้ำมันปลาที่อุดมด้วยโอเมก้า 3 อาจลดความรุนแรงของสิวอักเสบในบางคนได้ แต่อย่างไรก็ตามผลลัพธ์นั้นก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วย (11)
3. ไวเท๊กซ์ แอกนัส แคสตัส ช่วยลดสิวก่อนมีประจำเดือน
ไวเท๊กซ์ แอกนัส แคสตัส (Vitex agnus-castus) หรือ เชสต์เบอร์รี่ (Chasteberry) สำหรับ Vitex มีบทบาทของฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่ทำให้มีแนวโน้มในการลดของสิวได้ (12) แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังมีวิจัยที่ใช้ในการอ้างอิงน้อยมาก ดังนั้นเราอาจจะต้องรอวิจัยอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อที่จะมาสนับสนุนว่า Vitex สามารถช่วยลดสิวได้จริงแท้แน่นอนหรือไม่
4. แคนนาบิไดออล หรือ CBD (Cannabidiol)
แคนนาบิไดออล มีคุณสมบัติต้านการอักเสบและต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีศักยภาพ ทั้งยังพบว่าสามารถลดการอักเสบและควบคุมการผลิตซีบัม (Sebum) ในเซลล์ผิวหนังของมนุษย์ได้ (13)
นอกจากอาหารเสริมที่เรากล่าวมาแล้ว สำหรับใครที่ต้องการเลือกซื้ออาหารเสริมวิตามินต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับผิวพรรณหรือความสวยความงามแต่ยังไม่มีความข้อมูลในการเลือกซื้อ เราขอแนะนำบทความ “วิธีเลือกซื้อ วิตามินสำหรับผู้หญิง” ให้คุณศึกษากันอย่างจุใจเลยค่ะ
วิธีป้องกันการเกิดสิว
1. เลือกใช้เครื่องสำอางให้เหมาะสม
สำหรับสาว ๆ ที่จำเป็นต้องแต่งหน้าเพื่ออำพรางสิวและเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเอง เราแนะนำให้คุณเลือกใช้เครื่องสำอางสำหรับผิวเป็นสิวหรือผิวแพ้ง่าย อย่างเช่น รองพื้นสำหรับผิวเป็นสิว ที่จะต้องไม่ส่วนผสมของซิลิโคน (silicone) ที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน โดยให้คุณสังเกตที่เครื่องสำอางว่าหากมีสารลงท้ายด้วย -cone หรือ -siloxane นั่นคือส่วนผสมที่ทำให้อุดตันค่ะ
นอกจากนี้คุณควรหลีกเลี่ยงส่วนผสมของ ไมกา, แอลกอฮอล์, น้ำหอม และควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำมันหรือที่เขียนว่า Oil-Free รวมถึงเครื่องสำอางที่มีกรดซาลิไซลิก (salicylic acid) ก็จะช่วยรักษาสิวของคุณได้ไปในตัว
2. การล้างทำความสะอาดผิวหน้า

การล้างหน้าเบา ๆ สามารถขจัดน้ำมันส่วนเกินและเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกแต่ห้ามทำความสะอาดบ่อยเกินไป และไม่ควรใช้สครับในการทำความสะอาดหน้าช่วงที่เป็นสิว เพราะอาจจะทำให้ผิวระคายเคืองได้ซึ่งอาการนี้จะทำให้สิวเกิดขึ้นมากกว่าเดิมค่ะ แนะนำให้คุณใช้โฟมล้างหน้าหรือเจลล้างหน้าสูตรอ่อนโยนต่อผิวสำหรับผิวบอบบาง หรือหากคุณมีผิวที่แตกต่างกันไป คุณอาจจะเลือกเป็น ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวผสม, ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวแห้ง และผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผิวมัน เป็นต้น แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าคู่กับแปรงล้างหน้าที่อ่อนนุ่ม เพราะมันจะช่วยให้การล้างหน้าสะอาดล้ำลึกมากยิ่งขึ้น
หากคุณมีการแต่งหน้าในแต่ละวัน หรือแม้แต่ทาเพียงแค่ครีมกันแดดสำหรับคนเป็นสิว คุณควรจะใช้ Makeup Remover, Micellar Waters, คลีนซิ่งมิลค์, คลีนซิ่งบาล์ม, คลีนซิ่งออยล์ หรือแผ่นเช็ดเครื่องสําอางโดยเฉพาะ ในการทำความสะอาดผิวหน้า อย่าลืมลบเครื่องสำอางและครีมกันแดดออกให้หมดจดก่อน แล้วใช้โฟมล้างหน้าแบบคลีนเซอร์ในการล้างทำความสะอาดผิวหน้าอีกที คุณไม่ควรล้างหน้าบ่อยเกินไปต่อวัน แนะนำให้ล้างเพียงวันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้าและตอนเย็น ยกเว้นว่าวันนั้นคุณอาจจะมีเหงื่อออกมาเป็นพิเศษ ก็ให้ล้างทำความสะอาดหลังจากที่เหงื่อออกทันที
3. อาบน้ำหลังจากออกกำลังกาย
สำหรับผู้ชายหรือผู้หญิงที่รักการออกกำลังกาย คุณควรจะอาบน้ำหลังจากออกกำลังกายหรือหลังจากที่มีเหงื่อออกทันทีเนื่องจากเหงื่ออาจจะทำให้รูขุมขนอุดตันได้ สำหรับผู้ชายที่มีปัญหาสิวอุดตันแนะนำให้ใช้โฟมล้างหน้าสำหรับผู้ชายสูตรแก้ปัญหาสิวอุดตัน โดยเฉพาะเพราะจะเหมาะสมกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับสูตรผู้หญิงค่ะ
4. แก้ปัญหาสิวเสี้ยน
การเกิดสิวเสี้ยนนั้นถือเป็นเรื่องปกติของทุกคน ซึ่งก็มีวิธีในการกำจัดสิวเสี้ยนด้วยแผ่นลอกสิวเสี้ยน หรือเครื่องดูดสิวเสี้ยน ที่มีประสิทธิกำจัดสิวเสี้ยนได้ดี โดยหลังทำการกำจัดสิวเสี้ยนทุกครั้งควรใช้ความเย็นประคบ เพื่อป้องกันไม่ให้รูขุมขนกว้างด้วยนะคะ
5. เส้นผม ปัจจัยการเกิดสิว
หลาย ๆ คน ก็ลืมไปว่าเส้นผมที่ปล่อยมาโดนหน้าเราทุก ๆ วันนั้น ก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวได้ เพราะหากเส้นผมของคุณไม่สะอาดหรือคุณมีการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม รวมถึงคุณอาจจะมีอาการแพ้แชมพูและแพ้คอนดิชั่นเนอร์ สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลให้เกิดเป็นสิวที่บริเวณใบหน้าเช่นกันค่ะ แนะนำให้คุณเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีน้ำมัน เพราะความมันบนเส้นผมนั้น สามารถไปโดนผิวหน้าได้ อย่าลืมพยายามเก็บผมของคุณให้สัมผัสใบหน้าให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ
วิธีง่าย ๆ ที่กล่าวมาข้างต้นจะทำให้ลดการเกิดสิวได้ ดังนั้นควรนำไปปฏิบัติตามนะคะ เพราะการรักษาความสะอาดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ ค่ะ หากไม่รักษาความสะอาดไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดสิว แต่อาจจะก่อให้เกิดโรคผิวหนังอีกด้วย นอกจากนี้เราขอแนะนำให้คุณควรดื่มน้ำสะอาด วันละ 8 แก้วอย่างน้อย เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิวและทำให้ผิวดูเต่งตึงค่ะ
References:
- Vitamin A : Fact Sheet for Health Professionals
- Acne clinical guideline
- Zinc : Fact Sheet for Health Professionals
- The clinical effects of zinc as a topical or oral agent on the clinical response and pathophysiologic mechanisms of acne: a systematic review of the literature
- Multicenter randomized comparative double-blind controlled clinical trial of the safety and efficacy of zinc gluconate versus minocycline hydrochloride in the treatment of inflammatory acne vulgaris
- Vitamin D : Fact Sheet for Health Professionals
- Comparison of Vitamin D Levels in Patients with and without Acne: A Case-Control Study Combined with a Randomized Controlled Trial
- Hormonal and dietary factors in acne vulgaris versus controls
- Anti-inflammatory Action of Green Tea
- Does supplementation with green tea extract improve acne in post-adolescent women? A randomized, double-blind, and placebo-controlled clinical trial
- Effects of fish oil supplementation on inflammatory acne
- A randomized, double-blind, placebo-controlled study of a novel pantothenic Acid-based dietary supplement in subjects with mild to moderate facial acne
- Cannabidiol exerts sebostatic and antiinflammatory effects on human sebocytesCannabidiol exerts sebostatic and antiinflammatory effects on human sebocytes