1. ตัดสินใจซื้อจากความต้องการของผู้ใช้งาน

ผู้ซื้ออาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่าจุดประสงค์ในการ ซื้อโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คุณซื้อให้ใคร เหมาะสมกับเราหรือบุคคลที่เราจะซื้อให้หรือไม่ เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของการใช้งาน การถามใจตัวเองก่อนเลือกซื้อนั้นเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดก่อนเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือ หากคุณต้องการเพียงแค่ใช้การรับส่งข้อความหรือใช้งาน Facebook Line ถ้าเป็นเช่นนั้นโทรศัพท์ส่วนใหญ่ในตลาดปัจจุบันมีให้เลือกมากมายในราคาที่ถูกทั้งนี้ยังช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าของคุณอีกด้วย หากใครชอบถ่ายรูป เล่นเกมส์หรือทำงานไปในตัวด้วยควรจะมองหา มือถือ ที่มีหน่วยความจำเยอะ ๆ มาพร้อมกับ CPU ที่สามารถรองรับการบันทึกรูปภาพได้ หรือการเล่นเกมส์แบบไม่มีสะดุด เครื่องทำงานได้ไว กล้องหน้า/หลังเพื่อการSelfieที่คมชัด สวยแบบไม่ต้องง้อช่างภาพแต่ราคาก็สูงตามคุณภาพเช่นเดียวกัน

2. เช็คความจุของเครื่อง(ROM)และความละเอียดของกล้องถ่ายภาพ

หลายคนอาจจะยังสงสัยว่า(ROM)คืออะไร? คำนี้ย่อมาจาก Read Only Memory เป็นหน่วยความจำถาวรของโทรศัพท์มือถือหรือพื้นที่เก็บข้อมูลของเครื่อง ทำหน้าที่จัดเก็บรูปภาพ วีดีโอ เพลง เกมส์ หรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ในโทรศัพท์มือถือของเรานั่นเอง โดย ROM ของโทรศัพท์มือถือมีหน่วยเป็นกิ๊กกะไบต์ (GB) ยิ่งมีกิ๊กกะไบต์มากเท่าไหร่ก็มีความจุของข้อมูลมากเท่านั้น เราอาจจะเลือกตามความต้องการของผู้ใช้งาน การใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลแต่ละภาพขนาดของไฟล์จะไม่เท่ากัน ในหนึ่งภาพนั้นเฉลี่ยแล้วไม่เกินประมาณ 4เมกะไบต์(MB) ส่วน 1กิ๊กกะไบต์ (GB) จะจัดเก็บรูปภาพได้ประมาณ 250 ภาพ Rom ของโทรศัพท์มือถือส่วนใหญ่เริ่มต้นที่ 16 GB เหมาะกับการใช้งานทั่วไปและอาจจะไม่เพียงพอต่อการจัดเก็บข้อมูลมากนัก เรามาดูกันที่ 32 GB สามารถจัดเก็บรูปภาพทั่วไปหรือแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ได้มาก แต่หากเราจัดเก็บรูปภาพหรือวีดีโอที่มีความละเอียดสูงและไฟล์ขนาด 4K ขึ้นไป เราควรจะเพิ่มขนาดของ ROM เป็น 64 GB 128 GB และ 512 GB เพื่อให้ตอบโจทย์ในการใช้งานของเรา

เชื่อว่าหลายคนตอนนี้ชื่นชอบในการถ่ายภาพ ไม่ว่าจะถ่ายภาพประสบการณ์ท่องเที่ยวในที่ต่าง ๆ หรือสิ่งที่ประทับใจมาเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ รวมไปถึงการแชร์ภาพลงSocail Media สวย ๆ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือความคมชัดของกล้องโทรศัพท์มือถือ ขนาดของพิกเซลและเซ็นเซอร์ของกล้อง มีส่วนสำคัญหลักที่ทำให้คุณภาพของรูปออกมาสวยและมีความคมชัด โทรศัพท์มือถือบางรุ่นที่มาพร้อมเลนส์ซูมแบบ Optical Zoom ที่สามารถซูมภาพได้ด้วยการใช้เลนส์ซูมรายละเอียดเหมือนกับการใช้ Digital Zoom และนำเทคโนโลยีกล้องคู่ Dual Camera เพื่อใช้ถ่ายภาพ 3 มิติ ทางเราแนะนำให้ใช้กล้องที่มีขนาด 10MP ขึ้นไปหรือตามความเหมาะสมของผู้ใช้งาน

3. เช็ค Ram ของเครื่อง ใครเป็นคอเกมส์ไม่ควรพลาด

(RAM)Random Access Memory หน่วยความจำชั่วคราวของ โทรศัพท์มือถือ เป็นที่พักข้อมูลชั่วคราวระหว่างการใช้งานของแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ และการคำนวณหรือประมวลผลบนโทรศัพท์มือถือ เวลาที่เราเปิดใช้งานหลายโปรแกรมพร้อมกันจะทำให้ (RAM) เหลือน้อยลงดังนั้นจึงทำให้เครื่องโทรศัพท์มือถือทำงานได้ช้าลงนั้นเอง (RAM) ในโทรศัพท์มือถือไม่สามารถอัพเกรดได้เหมือนกับ (RAM) ของคอมพิวเตอร์ หากใครที่กำลังมองหาสมาร์ทโฟนไว้เล่นเกมส์ล่ะก็ควรเลือก ซื้อสมาร์ทโฟน ที่มีขนาดมากกว่า 3 GB ขึ้นไปเพื่อการเล่นเกมส์ที่ไม่สะดุดหรือเครื่องโทรศัพท์มือถือประมวลผลได้รวดเร็ว การเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือที่มีสเปคที่สูงก็จะมีราคาที่สูงด้วยเช่นกันแต่ถือว่าเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพื่อการเล่นเกมส์ที่ได้อรรถรสของเรา อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้นั่นคือ ขนาดของหน้าจอโทรศัพท์มือถือ ทางเราแนะนำขนาดตั้งแต่ 5 หรือ 6 นิ้วขึ้นไปทั้งนี้ก็อยู่ที่ความชอบของผู้ใช้งาน

4. พิจารณา CPU และความจุของแบตเตอรี่ของโทรศัพท์มือถือ

(CPU) Core Process Unit ทำหน้าที่เป็นสมองส่วนกลางของโทรศัพท์มือถือและเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในเรื่องของความเร็วบนสมาร์ทโฟนเลยที่หลายคนมองข้าม (CPU)ยิ่งแรงยิ่งดี ตัวที่เลขสูงมากจะทำให้การประมวลผลได้อย่างรวดเร็ว

ในอนาคตเราจะมีเทคโนโลยีทีเรียกว่า 5G เข้ามาให้ใช้บริการในไทย เราควรพิจารณาด้วยว่ามือถือ ที่เราจะเลือกซื้อนั้นสามารถรองรับ 5G ได้หรือไม่ รวมไปถึงใครที่ต้องใช้สมาร์ทโฟนตลอดเวลา บางคนต้องออกไปทำงานหรือธุระข้างนอกบ้านนาน ๆ แล้วต้องประสบปัญหากับแบตเตอรี่ที่หมดไว เราแนะนำให้คุณเลือกซื้อสมาร์ทโฟนที่มีขนาดความจุของแบตเตอรี่ 3000 mAh ขึ้นไปเพื่อให้เพียงพอกับการใช้งานนอกบ้านหรือสำหรับคนทีไม่อยากพกพาที่ชาร์จแบตเตอรี่สำรองให้หนักกระเป๋า บริษัทที่ผลิตสมาร์ทโฟนตอนนี้มีหลายค่ายที่น่าสนใจได้นำนวัตกรรมที่ชาร์จแบบไร้สายออกมาวางขายในตลาด ทำให้ชีวิตของคุณสะดวกสบายมากขึ้น ชาร์จได้รวดเร็ว ประหยัดเวลาเหมาะกับคนรุ่นใหม่หรือผู้ใช้งานที่มักจะหาสายชาร์จโทรศัพท์ไม่เจอในเวลาที่เร่งรีบ